วิธีการแก้ไขมี 2 วิธี ดังนี้
วิธีที่ 1 ทำการ Remove แล้วลง MS Office 97 ใหม่
1.1 Back up ข้อมูลทั้งหมดจากฐานข้อมูล MS Access ทุกฐานข้อมูลไว้ใน Folder อื่น นอกเหนือจาก MS Office 97
1.2 ไปที่ Start --> Control Panel -->Add/Remove Program แล้วเลือก Ms Office 97 แล้วทำการ Remove ออก
1.3 ค้นหา File ที่ชื่อว่า "Mstext35.dll" ใน C:\windows\system หรือ Sysytem32 (แล้วแต่ท่านใช้ Windows รุ่นใด) เสร็จแล้วเปลี่ยนชื่อ File ดังกล่าวเป็น "Mstext35.old"
1.4 Install โปรแกรม Ms Office Access97 แบบสมบูรณ์อีกครั้งแล้วลองเปิดโปรแกรมฐานข้อมูลสถานีอนามัยแล้วลองส่งออกข้อมูล (18 แฟ้ม) อีกครั้งว่ายังขึ้นอยู่หรือไม่
วิธีที่ 2 ใช้วิธีการ Update Registry
2.1 หาไฟล์ชื่อ Mstext35.dll (จากเครื่องอื่นที่ใช้ Hcis แล้วไม่พบปัญหานี้หาใน C:\windows\system32) เมื่อพบแล้วให้ทำการ Copy มาวางไว้ที่เครื่องใน C:\windows\system32
2.2 คลิ๊กที่ Start แล้วไปที่ RUN
2.3 เมื่อ Dialog RUN ปรากฎขึ้น จะปรากฎช่องรายการ Open ในช่องรายการดังกล่าวนี้ ให้พิมพ์คำสั่งตามข้อความนี้
regsvr32 C:\windows\system32\Mstext35.dll แล้ว OK จากนั้น Windows จะเริ่มกระบวนการ Update Registry
2.4 รอสักครู่ เมื่อกระบวนการ Update Registry เสร็จเรียบร้อยดี(คือไม่มีปัญหาใดๆ) คุณน่าจะใช้งาน HCIS โดยไม่มีปัญหา
วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
Technical Information: *** STOP: 0x0000007B (0xBACC3524,0xC0000034,0x00000000,0x00000000)
แก้ไข CMOS set HD แบบ IDE
วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554
Disable the Open File Security Warning dialog box
You are referring to the Open File Security Warning dialog box. While you can uncheck the box for the popup, that only affects that file. If you download another file, you'll get the popup again, even if it is the same file as before. However, there is a way to turn it off for new downloads (all old downloads will still pop up with the warning unless the aforementioned box is unchecked). There are two methods for disabling the popup message.
Registry Option:
[HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Policies\Microsoft\Internet Explorer\Security]
"DisableSecuritySettingsCheck"=dword:00000001
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesAttachments Set SaveZoneInformation to 1.
NOTE:
0 = Not Configured
1 = Enabled
2 = Disabled
You can also set this via Group Policy at the User Configuration > Administrative Templates > Windows Components > Attachment Manager node. Enable the "Do not preserve zone information in file attachments" setting.
Disable the Open File Security Warning dialog box
ในระบบปฏิบัติการ Windows นับตั้งแต่ Windows XP จะมีระบบความปลอดภัยที่ใช้ตรวจสอบการเรียกใช้งานไฟล์หรือโปรแกรมต่างๆ ของผู้ใช้ เพื่อเตือนให้ผู้ใช้งานทราบและทำการยืนยันว่าจะเปิดไฟล์หรือโปรแกรมที่ Windows ไม่รู้จักนี้หรือไม่ (ดังรูป) ซึ่งตรงนี้แม้ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัยที่ดี แต่ก็อาจจะสร้างความรำคาญหรือความไม่สะดวกให้กับการเปิดใช้โปรแกรมที่คุณ อาจจะต้องเปิดใช้งานบ่อยๆ ในบทความนี้ผมจะแนะนำวิธีการกำจัดหน้าจอแจ้งเตือน Security Warning ของ Windows เพื่อให้การเปิดใช้งานโปรแกรมทำได้สะดวกยิ่งขึ้น
1. จากรูปที่แจ้งเตือนขึ้นมานี้ ให้คุณจำชื่อโฟลเดอร์หรือไอพีแอดเดรสที่ปรากฏตรงบรรทัด From เอาไว้ก่อนครับ
2. จากนั้นเปิดโปรแกรม Internet Explorer (หรือ IE) ขึ้นมา คลิกเข้าไปที่เมนู Tools เลือกที่ Internet Options
3. คลิกที่แท็บ Security และคลิกที่คำว่า Local intranet และ Sites ตามลำดับ
4. ถ้ามีหน้าต่าง Local Intranet แสดงขึ้นมาดังรูป ให้คลิกที่ปุ่ม Advanced (บางท่านอาจจะไม่มีหน้าจอนี้แสดงขึ้นมา ก็ให้ทำในข้อถัดไปได้เลยครับ)
5. ให้คุณป้อนชื่อโฟลเดอร์หรือเลขไอพีแอดเดรสที่คุณจดไว้ตามข้อ 1. เข้าไปในบรรทัด Add this website to the zone: ดังรูป และคลิกที่ปุ่ม Add ด้านหลัง ซึ่ง Windows จะแปลงค่าไดร์ฟหรือโฟลเดอร์ที่เราป้อนเข้าไปเป็นชื่อคอมพิวเตอร์ให้โดย อัตโนมัติ
6. เรียบร้อยแล้วให้คลิกปุ่ม Close และปุ่ม OK เพื่อปิดหน้าจอ Internet Options ไป
7. ทดสอบเรียกเข้าโปรแกรมอีกครั้งหนึ่ง ก็จะไม่ปรากฏหน้าจอเตือน Security Warning ขึ้นมากวนใจอีกครับ
วิธีที่ 2 แต่หากแก้ไขตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว หน้าจอ Security Warning ยังคงปรากฏขึ้นมาอีก ให้ปฏิบัติดังนี้ครับ
1. คลิกปุ่ม Start เลือกคำสั่ง Run และพิมพ์คำสั่ง GPEDIT.MSC จากนั้นกดปุ่ม <Enter จะปรากฏหน้าจอ Local Group Policy Editor ขึ้นมาดังรูป
2. ให้คลิกเข้าที่ Local Computer Policy - User Configuration - Administrative Templates ตามลำดับ จากนั้นดับเบิ้ลคลิกที่คำว่า Windows Components ในหน้าต่างด้านขวา
3. ดับเบิ้ลคลิกที่ Attachment Manager ดังรูป
4. ดับเบิ้ลคลิกที่ Inclusion list for low file types จะมีหน้าต่างแสดงขึ้นมาให้เรากำหนดค่านามสกุลของไฟล์ที่จะให้ระบบปฏิบัติการ Windows ถือว่าเป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงน้อย ไม่ต้องแจ้งเตือนขึ้นมาเวลาเรียกใช้งาน ในเราป้อนคำว่า *.exe เข้าไปที่ช่อง Specify low risk extension แต่ถ้าภายในช่องดังกล่าวมีค่าใดๆ กำหนดไว้แล้ว ให้เพิ่มเครื่องหมาย ;*.exe เข้าไปดังรูป
5. เมื่อเรียบร้อยแล้วให้คลิกปุ่ม OK ปิดหน้าจอนี้ไป และปิดหน้าจอ Local Group Policy Editor ไปด้วย แล้วจึงทดลองเรียกเข้าโปรแกรมอีกครั้งหนึ่ง
ในระบบปฏิบัติการ Windows นับตั้งแต่ Windows XP จะมีระบบความปลอดภัยที่ใช้ตรวจสอบการเรียกใช้งานไฟล์หรือโปรแกรมต่างๆ ของผู้ใช้ เพื่อเตือนให้ผู้ใช้งานทราบและทำการยืนยันว่าจะเปิดไฟล์หรือโปรแกรมที่ Windows ไม่รู้จักนี้หรือไม่ (ดังรูป) ซึ่งตรงนี้แม้ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัยที่ดี แต่ก็อาจจะสร้างความรำคาญหรือความไม่สะดวกให้กับการเปิดใช้โปรแกรมที่คุณ อาจจะต้องเปิดใช้งานบ่อยๆ ในบทความนี้ผมจะแนะนำวิธีการกำจัดหน้าจอแจ้งเตือน Security Warning ของ Windows เพื่อให้การเปิดใช้งานโปรแกรมทำได้สะดวกยิ่งขึ้น
1. จากรูปที่แจ้งเตือนขึ้นมานี้ ให้คุณจำชื่อโฟลเดอร์หรือไอพีแอดเดรสที่ปรากฏตรงบรรทัด From เอาไว้ก่อนครับ
2. จากนั้นเปิดโปรแกรม Internet Explorer (หรือ IE) ขึ้นมา คลิกเข้าไปที่เมนู Tools เลือกที่ Internet Options
3. คลิกที่แท็บ Security และคลิกที่คำว่า Local intranet และ Sites ตามลำดับ
4. ถ้ามีหน้าต่าง Local Intranet แสดงขึ้นมาดังรูป ให้คลิกที่ปุ่ม Advanced (บางท่านอาจจะไม่มีหน้าจอนี้แสดงขึ้นมา ก็ให้ทำในข้อถัดไปได้เลยครับ)
5. ให้คุณป้อนชื่อโฟลเดอร์หรือเลขไอพีแอดเดรสที่คุณจดไว้ตามข้อ 1. เข้าไปในบรรทัด Add this website to the zone: ดังรูป และคลิกที่ปุ่ม Add ด้านหลัง ซึ่ง Windows จะแปลงค่าไดร์ฟหรือโฟลเดอร์ที่เราป้อนเข้าไปเป็นชื่อคอมพิวเตอร์ให้โดย อัตโนมัติ
6. เรียบร้อยแล้วให้คลิกปุ่ม Close และปุ่ม OK เพื่อปิดหน้าจอ Internet Options ไป
7. ทดสอบเรียกเข้าโปรแกรมอีกครั้งหนึ่ง ก็จะไม่ปรากฏหน้าจอเตือน Security Warning ขึ้นมากวนใจอีกครับ
วิธีที่ 2 แต่หากแก้ไขตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว หน้าจอ Security Warning ยังคงปรากฏขึ้นมาอีก ให้ปฏิบัติดังนี้ครับ
1. คลิกปุ่ม Start เลือกคำสั่ง Run และพิมพ์คำสั่ง GPEDIT.MSC จากนั้นกดปุ่ม <Enter จะปรากฏหน้าจอ Local Group Policy Editor ขึ้นมาดังรูป
2. ให้คลิกเข้าที่ Local Computer Policy - User Configuration - Administrative Templates ตามลำดับ จากนั้นดับเบิ้ลคลิกที่คำว่า Windows Components ในหน้าต่างด้านขวา
3. ดับเบิ้ลคลิกที่ Attachment Manager ดังรูป
4. ดับเบิ้ลคลิกที่ Inclusion list for low file types จะมีหน้าต่างแสดงขึ้นมาให้เรากำหนดค่านามสกุลของไฟล์ที่จะให้ระบบปฏิบัติการ Windows ถือว่าเป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงน้อย ไม่ต้องแจ้งเตือนขึ้นมาเวลาเรียกใช้งาน ในเราป้อนคำว่า *.exe เข้าไปที่ช่อง Specify low risk extension แต่ถ้าภายในช่องดังกล่าวมีค่าใดๆ กำหนดไว้แล้ว ให้เพิ่มเครื่องหมาย ;*.exe เข้าไปดังรูป
5. เมื่อเรียบร้อยแล้วให้คลิกปุ่ม OK ปิดหน้าจอนี้ไป และปิดหน้าจอ Local Group Policy Editor ไปด้วย แล้วจึงทดลองเรียกเข้าโปรแกรมอีกครั้งหนึ่ง
วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554
วิธี set กระดาษ 9x5.5 เครื่องพิมพ์ EPSON
START>SETTING >PRINTER>เลือกเครื่องพิมพ์
FILE> Print Server Properties >forms >paper size >create a new form >save form
แล้วตั้งค่าเครื่องพิมพ์ที่โปรแกรมจะพิมพ์ เช่น access
FILE> Print Server Properties >forms >paper size >create a new form >save form
แล้วตั้งค่าเครื่องพิมพ์ที่โปรแกรมจะพิมพ์ เช่น access
วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554
มีวิธีกู้ข้อมูลไฟล์เอกสารถ้าเผลอ save ทับไปแล้ว
นึกวิธีถึกออกทางหนึ่งที่เคยใช้คือ เปิดเข้าไปอ่าน Temp file ใน Temp folder ของระบบครับ
เพื่อหาว่าเป็นไฟล์ไหน แล้ว save กลับครับ... แต่ถึกจริงๆนะ เพราะต้องไล่เปิด file ทีละอัน
ด้วยโปรแกรมพวก notepad ก็ได้ครับ
ข้อระวังคือเวลาเปิดแล้ว มันจะอ่านไม่รู้เรื่อง ต้องอ่านหัว header file เป็นระดับนึง
และห้าม save กลับทันทีนะครับ ต้องออกไปที่ DOS MODE หรือใช้ Explorer ในการ
เปลี่ยน extension ครับ
เพื่อหาว่าเป็นไฟล์ไหน แล้ว save กลับครับ... แต่ถึกจริงๆนะ เพราะต้องไล่เปิด file ทีละอัน
ด้วยโปรแกรมพวก notepad ก็ได้ครับ
ข้อระวังคือเวลาเปิดแล้ว มันจะอ่านไม่รู้เรื่อง ต้องอ่านหัว header file เป็นระดับนึง
และห้าม save กลับทันทีนะครับ ต้องออกไปที่ DOS MODE หรือใช้ Explorer ในการ
เปลี่ยน extension ครับ
ดู จำนวน record ใน table ทั้งหมด
SELECT
[TableName] = so.name,
[RowCount] = MAX(si.rows)
FROM
sysobjects so,
sysindexes si
WHERE
so.xtype = 'U'
AND
si.id = OBJECT_ID(so.name)
GROUP BY
so.name
ORDER BY
2 DESC
[TableName] = so.name,
[RowCount] = MAX(si.rows)
FROM
sysobjects so,
sysindexes si
WHERE
so.xtype = 'U'
AND
si.id = OBJECT_ID(so.name)
GROUP BY
so.name
ORDER BY
2 DESC
วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554
เวลา log in FM1234 SQL SERVER ไม่ได้
In order to resolve the issue, please refer to the following steps:
1. Login to the MSSQL Server Management Studio with Windows Authentication.
2. In SQL Server Management Studio Object Explorer, right-click the server, and then click Properties.
3. Under the Server Properties, select a page of "Security".
4. Select the Server authentication as "SQL Server and Windows Authentication mode" and click Ok.
5. Restart the SQL Services and then try to login with 'sa' details.
1. Login to the MSSQL Server Management Studio with Windows Authentication.
2. In SQL Server Management Studio Object Explorer, right-click the server, and then click Properties.
3. Under the Server Properties, select a page of "Security".
4. Select the Server authentication as "SQL Server and Windows Authentication mode" and click Ok.
5. Restart the SQL Services and then try to login with 'sa' details.
วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554
การเปิดใช้งาน NUM LOCK
การเปิดใช้งาน NUM LOCK ก่อนที่ผู้ใช้เข้าสู่ระบบ ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
เรียกใช้ตัวแก้ไขรีจิสทรี
ย้ายไปยังHKEY_USERS\Default\Control Panel\Keyboard.
การเปลี่ยนแปลงค่าของInitialKeyboardIndicatorsจาก 0 ถึง2. แก้เป็น 2
เรียกใช้ตัวแก้ไขรีจิสทรี
ย้ายไปยังHKEY_USERS\Default\Control Panel\Keyboard.
การเปลี่ยนแปลงค่าของInitialKeyboardIndicatorsจาก 0 ถึง2. แก้เป็น 2
การเปิดใช้งาน NUM LOCK on
การเปิดใช้งาน NUM LOCK ก่อนที่ผู้ใช้เข้าสู่ระบบ ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
เรียกใช้ตัวแก้ไขรีจิสทรี regedit
ย้ายไปยังHKEY_USERS\Default\Control Panel\Keyboard.
การเปลี่ยนแปลงค่าของInitialKeyboardIndicatorsจาก 0 ถึง2.
เรียกใช้ตัวแก้ไขรีจิสทรี regedit
ย้ายไปยังHKEY_USERS\Default\Control Panel\Keyboard.
การเปลี่ยนแปลงค่าของInitialKeyboardIndicatorsจาก 0 ถึง2.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)